วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แนะนำตัว


ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ หอพักหญิงสุมลรัตน์ ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม
สร้างกริตเตอร์
| ฟังเพลง | ดารา | เกมส์

แนะนำตัว


งานอดิเรก ฟังเพลง,อ่านหนังสือ,ดูทีวี เล่นอินเตอร์เน็ต ความสามารถพิเศษ เล่นวอลเลย์บอล อาหารที่ชอบ ส้มตำ,ไก่ย่าง
สร้างกริตเตอร์
| ฟังเพลง | ดารา | เกมส์

แนะนำตัว


ศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะวิทยาศาสตร์ เอกชีววิทยา
สร้างกริตเตอร์
| ฟังเพลง | ดารา | เกมส์

แนะนำตัว

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

E-Commerce

พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์..ขุมทรัพย์แหล่งใหม่จริงหรือ
การประชาสัมพันธ์ในการผลักดันให้มีการประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้น มักจะประชาสัมพันธ์ ว่าระบบนี้สามารถ ช่วยให้ผู้ประกอบการ ของไทย สามารถเผยแพร่ขายสินค้า และบริการได้ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก แต่มักจะลืมนำเสนอในเชิงกลับกันว่าผู้ประกอบการต่างชาติ ก็สามารถนำเสนอสินค้าและบริการมาแข่งกัน กับผู้ประกอบการภายในได้เช่นกัน การแข่งขันเรื่องของราคา และการตลาดเป็นกลไกสำคัญ ในการประกอบการดังจะพบว่าราคาของสินค้าในอินเทอร์เน็ตนั้น เป็นไปตามกลไกของตลาดแข่งขันเสรี และมักมีราคาที่ถูกกว่าราคาของสินค้าที่ขายในร้านค้าจริง เนื่องจากสามารถลดค่าใช้จ่ายได้หลายส่วน และยังมีสามารถรายได้จากแหล่งอื่นเช่นโฆษณา การขายและให้บริการข้อมูลสมาชิกได้
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับการแข่งขันทางการค้า
หากพิจารณาถึงความได้เปรียบเสียเปรียบ ในการประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างตรงไปตรงมา คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ผู้ประกอบการที่มีความพร้อม มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้ย่อมได้เปรียบ ดังกรณีที่คนไทยในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา นักวิชาการและบุคคลทั่วไปรู้จัก และใช้บริการ การซื้อหนังสือผ่านอินเทอร์เน็ตทำให้
www.amazon.com สามารถสร้างรายได้จากตำราต่างประเทศ จำนวนมากซึ่งส่วนนี้คือส่วนที่ร้านหนังสือต้องสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ไป จนบางร้านได้ปิดกิจการหรือลดขนาดลง แต่หากพิจารณาในส่วนของผู้บริโภคแล้ว จะพบว่าผู้บริโภคนั้นได้รับผลประโยชน์ คือ สามารถเลือกซื้อหนังสือได้ราคาถูกลงแม้รวมค่าขนส่ง ดังจะเห็นได้ว่าหากร้านหนังสือไม่ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ในการประกอบการย่อมมีปัญหาตามมาอีกแน่ และหากเกิดปัญหาในทำนองเดียวกันนี้ กับผู้ประกอบการในธุรกิจอื่น ย่อมไม่ส่งผลดีต่อประเทศอย่างแน่นอน
พาณิชย์อีเล็กทรอนิกส์จำเป็นหรือไม่
ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้น ช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถแข่งขัน และขยายตลาดให้กว้างมากขึ้น แต่ก็ทำให้มีการแทรกตลาดจากต่างชาติได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน การนำระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้นั้นเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นของผู้ประกอบการ เมื่อตลาดการแข่งขันมาในรูปแบบของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ประกอบการนั้น ก็จำเป็นที่จะต้องนำระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้เช่นเดียวกัน เพื่อความอยู่รอด ของธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ทั้งภายในและภายนอก อีกส่วนหนึ่ง ต้องทำเพื่อส่งเสริมเผยแพร่สินค้าให้เป็นที่รู้จัก และสร้างโอกาสในการแข่งขันและทำรายได้ ให้กว้างมากยิ่งขึ้น
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับสินค้าทางการเกษตร
สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาในการประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์คือสินค้าหรือบริการ สินค้าแต่ละชนิดก็มีธรรมชาติ และลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักจะเลือกชนิดสินค้า ที่เป็นที่นิยมและสะดวกแก่การขนส่งอย่างเช่นหนังสือ โปรแกรม เครื่องไฟฟ้า ซึ่งหากมีผู้ประกอบการรายใหญ่ลงมาแข่งขันด้วย กลุ่มของผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นคนกลางคงลดจำนวนลง
การเลือกสินค้าที่ลักษณะและรูปแบบที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ออกไป ก็สามารถสร้างความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึงเช่น www.garden.com ที่ขายต้นไม้จริงผ่านอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเรื่องของสินค้าคงไม่ได้จำกัดขอบเขตในกลุ่มของสินค้าที่นิยมกันเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่เชื่อมั่นได้ว่าการประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นเรื่องของการตลาด หากมีการตลาดที่ดีก็สามารถให้บริการหรือนำเสนอสินค้าอะไรก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้ประกอบการต้องสามารถสร้างโอกาสให้ตนเองได้ ในขณะที่คนส่วนใหญ่คาดไม่ถึงและคิดว่าเป็นปัญหาให้ได้




สำหรับประเทศไทยเราที่ประชากรส่วนใหญ่ยังคงประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม ปัจจุบันสินค้าทางการเกษตร สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ ได้ปีละไม่น้อย และหากมีการส่งเสริมสินค้าทางการเกษตรที่ดี ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตโดยตรง หรือผลภัณฑ์แปรรูปผ่านทางสื่ออินเทอร์เน็ต ก็จะสามารถช่วยให้คนทั่วโลก ได้รู้จักสินค้าการเกษตรของไทยกันมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างตลาด และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มมากขึ้น (ผมเคยเห็นคนญี่ปุ่นที่ว่าสารพัดจะกิน แต่เห็นเงาะแล้วถอดใจ เห็นมีแต่ขนไม่รู้วิธีการกินว่าต้องแกะเปลือกก่อนแล้วค่อยกินเนื้อ ซึ่งเรื่องนี้ก็คงไม่ต่างกับเรื่องของคนฝรั่งกับ มังคุดหรือทุเรียน) ซึ่งหากมีการนำเสนอที่ดีก็จะช่วยให้สินค้าทางการเกษตรมีช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น



แหล่งที่มา:1.http://www.ku.ac.th/e-magazine/july43/somchai.htm
2.http://www.ku.ac.th/yuen/information_agr/image/burpee.gif

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

E-Commerce

ประโยชน์ของ e-Commerce
1. ไม่ต้องมีพนักงานนั่งประจำ เพราะสามารถให้บริการแบบอัตโนมัติได้
2. สามารถเปิดขายได้ตลอด 7 วัน ๆ ละ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด
3. สามารถเก็บเงิน และโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทอัตโนมัติ
4. ตอบสนองนักลงทุนได้ทุกระดับ ตั้งแต่มืออาชีพทุนหนา ไปถึงมือใหม่ทุนน้อย
5. ประหยัดค่าพิมพ์เอกสารแนะนำสินค้า เพราะรายละเอียดทั้งหมด เสนอผ่านเว็บ



ปัญหาการขนส่ง ซึ่งขึ้นกับประเภทธุรกิจ
1. ค่าขนส่งอันเนื่องจาก น้ำหนัก และขนาด โดยปกติการซื้อสินค้าใน Internet จะมีบริการขนส่งให้ถึงบ้าน ตัวสินค้าอาจมีราคาถูกจริง แต่ค่าขนส่งจะสูง ทำให้บางครั้งจะต้องขายสินค้าเป็นชุด หรือเป็นแพ็ค เพราะไม่คุ้มที่จะขนส่งสินค้าเพียงชิ้นเดียว และลูกค้าโดยทั่วไป มักไม่ยินดีชำระค่าขนส่งที่สูงกว่าราคาสินค้า เช่นเทปเพลงตลับละ 90 บาท แต่มีค่าขนส่ง 100 บาท ทำให้ราคารวมสูงถึง 190 บาท เป็นต้น
2. ปัญหาการส่งของสด เช่นร้านดอกไม้ ที่รับส่งดอกไม้ อาจต้องจำกัดให้บริการเฉพาะในพื้นที่เช่นในกรุงเทพฯ ดังนั้นลูกค้าในต่างจังหวัดจึงไม่สามารถใช้บริการ
3. การรับประกัน และนโยบายการคืนของ หรือรับประกันความพึงพอใจ ในสินค้าบางอย่างที่แตกหักเสียหาย หรือเสื่อมสภาพได้โดยง่ายเช่น อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ Diskette หรือ CD หากการขนส่งไม่ดี ปล่อยให้ตากแดด หรือมีความชื้นสูง อาจเป็นปัญหากับสินค้าได้ และภาระความรับผิดชอบจะต้องตกเป็นของผู้ขาย หรือผู้ซื้อ
4. ถ้าเกิดปัญกาการขนส่ง ซึ่งมีที่อยู่ของผู้รับผิด หรือผู้ที่รับไม่ใช่ผู้สั่งซื้อ เป็นต้น อาจเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณา วางมาตรการแก้ไข และป้องกันไว้อย่างดี ก่อนเริ่มกิจการ
5. สินค้าราคาสูง เช่น คอมพิวเตอร์ เพชร พลอย ทอง ภาพเขียนโบราณ หรือเครื่องแก้ว ซึ่งมีปัญหาทั้งความปลอดภัย และการประกันสินค้า โดยปรกติบริษัทขนส่งมักให้ความคุ้มครองสินค้าไม่สูงนัก การส่งสินค้าประเภทนี่จึงมีความเสี่ยงสูง

พื้นฐานสำคัญของ e-Commerce ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ที่ต้องทำงานประสานกัน ถ้าจะทำเว็บ e-Commerce จะต้องเลือกอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นตัวเครื่อง Server และระบบ Network ซึ่งต้องทำงานประสานกันอย่างสอดคล้อง เพราะต้องเปิด 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ส่วนซอฟต์แวร์จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการระบบฐานข้อมูล และมีประสิทธิภาพในการนำเสนอ เพื่อสร้างความประทับใจ และดึงดูดลูกค้า ซึ่งจำเป็นที่ผู้ต้องการทำ e-Commerce ด้วยตนเองต้องตระหนัก แต่การทำ e-Commerce มีหลายรูปแบบ ถ้าท่านมีทุนน้อยอาจไม่ต้องสนใจเรื่องของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือการขอ Domain name จาก networksolutions.com หรือ thnic.net เพียงไปขอใช้บริการจากเว็บที่ให้บริการทำ e-Commerce ครบวงจร พวกเขาจะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ รับจัดการเรื่องการเงิน รับดูแลฐานข้อมูลสินค้า รับออกแบบเว็บ รับให้คำปรึกษา หรือรับส่งสินค้า เป็นต้น เพียงแต่ท่านต้องชำระค่าบริการเป็นรายเดือนเท่านั้น
หากท่านคิดจะทำ e-Commerce โดยติดตั้ง Hardware และ Software เอง และสามารถรับชำระเงินจากบัตรเครดิต เรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวังคือความปลอดภัย ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีการใช้ระบบ SSL(Secure Socket Layer) ซึ่งใช้ในการเข้ารหัสข้อมูลสำหรับการสื่อสารของไคลแอนต์กับเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบ SET(Secure Electronic Transactions) จะคล้าย SSL แต่จะมีหน่วยงานกลางที่ยืนยันการทำธุรกรรม(Certification Authority:CA) และยืนยันความมีตัวตนโดยนำ Private key และ Public key มาใช้ ซึ่งผู้ขายสินค้าจะไม่ได้รับข้อมูลของรหัสบัตรเครดิต แต่จะได้รับเฉพาะข้อมูลการสั่งซื้อ รหัสบัตรเครดิตนั้นทางหน่วยงานกลางจะส่งไปให้ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงินต่อไป
นอกจากนี้ความปลอดภัยยังต้องรวมไปถึงการออกแบบฐานข้อมูล ที่จะต้องมีการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลความลับเป็นอย่างดี อาจหาระบบ Firewall มาป้องกันการเข้าถึงจากผู้ไม่มีสิทธิ์ และกำหนดสิทธิ์อันควรให้กับผู้ที่เข้าถึงข้อมูลได้ ในปัจจุบันการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านเครื่อง EDC (Electronic Data Capture) ตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหารอยู่แล้ว และต่อมาได้มีการพัฒนาให้สามารถรับชำระเงินผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย Internet ได้แล้ว โดยเว็บที่มีการนำระบบนี้มาใช้เป็นรายแรกคือ thaicybermall.com ซึ่งได้ทำการพัฒนาร่วมกับธนาคารกรุงไทย และเปิดให้บริการในปัจจุบัน ระบบนี้จะสามารถตรวจบัตรเครดิตแบบ Online ได้เหมือนกับการใช้จ่ายตามห้างสรรพสินค้าทันที เพราะการจ่ายชำระเงินด้วยบัตรเครดิตนั้น ลูกค้าเพียงแต่กรอกเลขบัตรเครดิต และเดือนปีที่บัตรหมดอายุ ผู้ขายก็สามารถติดต่อให้ธนาคารโอนเงินให้แบบอัตโนมัติผ่านเครื่อง EDC ที่เตรียมไว้นั่นเอง


ปัจจุบันการชำระเงินในระบบเครือข่าย Online สามารถกระทำได้หลายวิธีเช่น ใช้บัตรเครดิต(Credit card) ส่งเช็คอิเล็กทรอนิกส์(E-Cheque) เงินสดดิจิตอล(Digital cash) ระบบไมโครแคช(Micro cash) หรือ EDI (Electronic Data Interchange)สำหรับการซื้อขายระหว่างกัน โดยใช้เอกสารแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิคส์ที่เป็นมาตราฐาน และต่อมาได้มีการออกแบบระบบ EFT (Electronic Funds Transfer) เพื่อให้สามารถส่งผ่านรายการโอนเงินในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อำนวยต่อการพัฒนาระบบ e-Commerce ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก
e-Commerce เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่าน การตัดสินใจลงทุนในธุรกิจประเภทนี้ จะต้องวางแผนให้รัดกุม ถึงแม้จะใช้เงินลงทุนในระยะแรกไม่สูง และไม่ต้องมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์มากนัก ก็สามารถทำธุรกิจประเภทนี้ได้ แต่ปัจจุบันมีคู่แข่งเข้ามาในธุรกิจมาก เพราะนักลงทุนสามารถเปิดธุรกิจได้ง่าย และกำลังอยู่ในความสนใจของคนรุ่นใหม่ แต่ถ้าคิดจะลงทุนค้าขายสินค้าให้คนไทย อาจจะต้องพบปัญหาที่คนไทยยังมีอัตราการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต ในระบบ Internet น้อย ทำให้มี Supply มากกว่า Demand นั่นจึงเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณา และหาทางแก้ไข อย่างเป็นขั้นตอนต่อไป จึงจะทำให้ระบบ e-Commerce ในประเทศเราก้าวไปได้อย่างมั่นคง



แหล่งทีมา:1.http://thaiall.com/article/ecommerce.htm
2.http://www.ecommerce.or.th/newsletter/img/survey-june5.GIF
3.http://thaiall.com/article/ecommerce.htm#5step
4.http://digiteen09-3.flatclassroomproject.org/file/view/global- ecommerce.gif/103015675/global-ecommerce.gif

E-commerce

Electronic Commerce หรือ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริหาร การโฆษณาสินค้า การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น จุดเด่นของ E-Commerce คือ ประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่ม ประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยลดความสำคัญขององค์ประกอบของธุรกิจที่มองเห็นจับต้องได้ เช่นอาคารที่ทำการ ห้องจัดแสดงสินค้า (show room) คลังสินค้า พนักงานขายและพนักงานให้บริการต้อนรับลูกค้า เป็นต้น ดังนั้นข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์คือ ระยะทางและเวลาทำการแตกต่างกัน จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจอีกต่อไป

อุปกรณ์และวิธีการทำ E-commerce

อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วย ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระบบคอมพิวเตอร์และระบบฐานข้อมูล ระบบสื่อสารอาจเป็นระบบพื้นฐานทั่วไป เช่นระบบโทรศัพท์ โทรสาร หรือวิทยุ โทรทัศน์ แต่ระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งเชื่อมโยงถึงกันได้ทั่วโลก เป็นระบบเปิดกว้าง โดยเป็นระบบเครือข่ายของเครือข่าย ที่เรียกว่า world wide web มาจากความเป็นเอกลักษณ์คือสามารถสร้างให้มี hyperlink จากหน้าหนึ่งไปอีกหน้าหนึ่ง ไป webpage อื่น หรือไป website อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถสื่อได้ทั้งภาพ เสียง และภาษาหนังสือที่หลากหลายซับซ้อน สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้ทันทีทันใด ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สามารถบันทึกเก็บไว้หรือนำใช้ต่อเนื่องได้ การประยุกต์ใช้ และกระแสตอบรับธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตจึงแพร่หลายภายในระยะเวลาอันสั้น
E-Commerce ใช้ติดต่อกับลูกค้าได้หลายระดับ ธุรกิจกับลูกค้า ธุรกิจกับธุรกิจ ธุรกิจกับภาครัฐ ฯ สาระของการติดต่อจะมี 4-5 ประการ คือ

การขาย รวมการโฆษณา แสดงสินค้า เสนอราคา สั่งซื้อ คำนวณราคา
การชำระเงิน การตกลงวิธีชำระเงิน สั่งโอนเงิน ให้ข้อมูลบัญชีธนาคารที่ใช้ตัดบัญชี ตลอดจนเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ ๆ
การขนส่ง แจ้งวิธีการส่งมอบของ ค่าขนส่ง และสถานที่ติดต่อและระบบติดตามสินค้าที่ส่ง
บริการหลังการขาย การติดต่อภายในบริษัท เช่นระบบบัญชี คลังสินค้า ระบบสั่งซื้อสินค้าและวัตถุดิบ สั่งผลิต ตลอดจนบริการลูกค้าหลังการขาย
บทบาทภาครัฐกับ E-Commerce




เนื่องจากการทำธุรกิจดังกล่าวมีการแข่งขันกันร้อนแรง ส่วนใหญ่อยู่ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยเป็นไปได้ที่คู่ค้าอาจไม่เคยรู้จักติดต่อกันมาก่อน ปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากภาครัฐได้แก่ แผนกลยุทธ์การค้าอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ เพื่อมิให้เสียเปรียบเชิงการค้าในระดับโลก โครงสร้างการสื่อสารที่ดีและเพียงพอ กฎหมายรองรับข้อมูลและหลักฐานการค้าที่ไม่อยู่ในรูปเอกสาร ระบบความปลอดภัยข้อมูลบนเครือข่ายและระบบการชำระเงิน
E-Government เป็นอีกมิติหนึ่งของการให้บริการภาครัฐออนไลน์ที่จะเอื้อให้ธุรกิจ ประชาชน ติดต่อใช้บริการ ในกรอบบริการงานแต่ละด้านของส่วนราชการต่าง ๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทยให้บริการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์แก่สถาบันการเงิน กรมทะเบียนการค้าให้บริการจดทะเบียนการค้า เป็นต้น นอกจากนี้ การทำ E-Procurement เพื่อการจัดซื้อจัดหาภาครัฐก็เป็นบริการที่ควรดำเนินการ เพราะจะช่วยให้เกิดความโปร่งใส และเป็นไปตามกรอบนโยบายของที่ประชุมเอเปคด้วย

ความปลอดภัยกับ E-Commerce

ระบบความปลอดภัยนับเป็นเรื่องที่โดดเด่นที่สุด และมีเทคโนโลยีความปลอดภัยคือ Public Key ซึ่งมีองค์กรรับรองความถูกต้องเรียกว่า CA (Certification Authority) ระบบนี้ใช้หลักคณิตศาสตร์คำนวณรหัสคุมข้อความจากผู้ส่งและผู้รับอย่างเฉพาะเจาะจงได้ จึงสามารถพิสูจน์ตัวตนของผู้รับผู้ส่ง (Authentication) รักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Confidentiality) ความถูกต้องไม่คลาดเคลื่อนของข้อมูล (Integrity) และผู้ส่งปฏิเสธความเป็นเจ้าของข้อมูลไม่ได้ (Non-repudiation) เรียกว่าลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature)
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการมีกฎหมายรองรับการทำธุรกรรมบนเครือข่าย ประเทศในยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายรับรองการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ และกฎหมายรองรับการทำธุรกิจดังกล่าว สำหรับในประเทศไทยก็เร่งจัดการออกกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ 6 ฉบับ โดยกฎหมาย 2 ฉบับแรกที่จะออกใช้ได้ก่อนคือ กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และกฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์

การชำระเงินบน E-Commerce

จากผลการวิจัยพบว่า วิธีการชำระเงินที่สำคัญสำหรับกรณีธุรกิจกับธุรกิจ ร้อยละ 70 ใช้วิธีหักบัญชีธนาคาร ขณะที่ ธุรกิจกับผู้บริโภคร้อยละ 65 ชำระด้วยบัตรเครดิต
สำหรับในประเทศไทย... ผลการสำรวจพบว่าผู้สั่งสินค้าบนอินเทอร์เน็ตร้อยละ 40-60 ใช้บัตรเครดิต อีกร้อยละ 40 ใช้วิธีโอนเงินในบัญชี ซึ่งหมายความรวมถึง Direct Debit, Debit Card และ Fund Transfer
เพื่อ... สร้างความเชื่อมั่นแก่ระบบการชำระเงินบนอินเทอร์เน็ต มีแนวทางการพัฒนาเพื่อบริการชำระเงินดังนี้
1. บริการ internet banking และ/หรือธุรกิจประเภท Payment Gateway จะเป็น hyperlink ระหว่าง website ของร้านค้ากับระบบของธนาคาร และธนาคารสามารถดำเนินการตามข้อมูลที่ได้รับเพื่อตัดโอนเงินในบัญชีของลูกค้า หรือส่งเป็นคำสั่งโอนเข้าระบบการชำระเงินระหว่างธนาคารที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน
2. สำหรับการชำระเงินที่เป็น Micro Payment การใช้เงินดิจิทัลซึ่งบันทึกบนบัตรสมาร์ตการ์ด หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถสร้างเสริมระบบความปลอดภัยให้มั่นใจได้เหนือกว่าระบบบัตรเดบิตและบัตรเครดิตทั่วไป จึงเป็นแนวโน้มเทคโนโลยีที่น่าสนใจและเหมาะสม



แหล่งที่มา:1.http://www.bot.or.th/Thai/PaymentSystems/Others/eCommerce/Pages/eCommerce.aspx
2.http://www.adstreaminc.com/images/ecommerce.jpg