วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

E-Commerce

ประโยชน์ของ e-Commerce
1. ไม่ต้องมีพนักงานนั่งประจำ เพราะสามารถให้บริการแบบอัตโนมัติได้
2. สามารถเปิดขายได้ตลอด 7 วัน ๆ ละ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด
3. สามารถเก็บเงิน และโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทอัตโนมัติ
4. ตอบสนองนักลงทุนได้ทุกระดับ ตั้งแต่มืออาชีพทุนหนา ไปถึงมือใหม่ทุนน้อย
5. ประหยัดค่าพิมพ์เอกสารแนะนำสินค้า เพราะรายละเอียดทั้งหมด เสนอผ่านเว็บ



ปัญหาการขนส่ง ซึ่งขึ้นกับประเภทธุรกิจ
1. ค่าขนส่งอันเนื่องจาก น้ำหนัก และขนาด โดยปกติการซื้อสินค้าใน Internet จะมีบริการขนส่งให้ถึงบ้าน ตัวสินค้าอาจมีราคาถูกจริง แต่ค่าขนส่งจะสูง ทำให้บางครั้งจะต้องขายสินค้าเป็นชุด หรือเป็นแพ็ค เพราะไม่คุ้มที่จะขนส่งสินค้าเพียงชิ้นเดียว และลูกค้าโดยทั่วไป มักไม่ยินดีชำระค่าขนส่งที่สูงกว่าราคาสินค้า เช่นเทปเพลงตลับละ 90 บาท แต่มีค่าขนส่ง 100 บาท ทำให้ราคารวมสูงถึง 190 บาท เป็นต้น
2. ปัญหาการส่งของสด เช่นร้านดอกไม้ ที่รับส่งดอกไม้ อาจต้องจำกัดให้บริการเฉพาะในพื้นที่เช่นในกรุงเทพฯ ดังนั้นลูกค้าในต่างจังหวัดจึงไม่สามารถใช้บริการ
3. การรับประกัน และนโยบายการคืนของ หรือรับประกันความพึงพอใจ ในสินค้าบางอย่างที่แตกหักเสียหาย หรือเสื่อมสภาพได้โดยง่ายเช่น อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ Diskette หรือ CD หากการขนส่งไม่ดี ปล่อยให้ตากแดด หรือมีความชื้นสูง อาจเป็นปัญหากับสินค้าได้ และภาระความรับผิดชอบจะต้องตกเป็นของผู้ขาย หรือผู้ซื้อ
4. ถ้าเกิดปัญกาการขนส่ง ซึ่งมีที่อยู่ของผู้รับผิด หรือผู้ที่รับไม่ใช่ผู้สั่งซื้อ เป็นต้น อาจเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณา วางมาตรการแก้ไข และป้องกันไว้อย่างดี ก่อนเริ่มกิจการ
5. สินค้าราคาสูง เช่น คอมพิวเตอร์ เพชร พลอย ทอง ภาพเขียนโบราณ หรือเครื่องแก้ว ซึ่งมีปัญหาทั้งความปลอดภัย และการประกันสินค้า โดยปรกติบริษัทขนส่งมักให้ความคุ้มครองสินค้าไม่สูงนัก การส่งสินค้าประเภทนี่จึงมีความเสี่ยงสูง

พื้นฐานสำคัญของ e-Commerce ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ที่ต้องทำงานประสานกัน ถ้าจะทำเว็บ e-Commerce จะต้องเลือกอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นตัวเครื่อง Server และระบบ Network ซึ่งต้องทำงานประสานกันอย่างสอดคล้อง เพราะต้องเปิด 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ส่วนซอฟต์แวร์จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการระบบฐานข้อมูล และมีประสิทธิภาพในการนำเสนอ เพื่อสร้างความประทับใจ และดึงดูดลูกค้า ซึ่งจำเป็นที่ผู้ต้องการทำ e-Commerce ด้วยตนเองต้องตระหนัก แต่การทำ e-Commerce มีหลายรูปแบบ ถ้าท่านมีทุนน้อยอาจไม่ต้องสนใจเรื่องของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือการขอ Domain name จาก networksolutions.com หรือ thnic.net เพียงไปขอใช้บริการจากเว็บที่ให้บริการทำ e-Commerce ครบวงจร พวกเขาจะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ รับจัดการเรื่องการเงิน รับดูแลฐานข้อมูลสินค้า รับออกแบบเว็บ รับให้คำปรึกษา หรือรับส่งสินค้า เป็นต้น เพียงแต่ท่านต้องชำระค่าบริการเป็นรายเดือนเท่านั้น
หากท่านคิดจะทำ e-Commerce โดยติดตั้ง Hardware และ Software เอง และสามารถรับชำระเงินจากบัตรเครดิต เรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวังคือความปลอดภัย ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีการใช้ระบบ SSL(Secure Socket Layer) ซึ่งใช้ในการเข้ารหัสข้อมูลสำหรับการสื่อสารของไคลแอนต์กับเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบ SET(Secure Electronic Transactions) จะคล้าย SSL แต่จะมีหน่วยงานกลางที่ยืนยันการทำธุรกรรม(Certification Authority:CA) และยืนยันความมีตัวตนโดยนำ Private key และ Public key มาใช้ ซึ่งผู้ขายสินค้าจะไม่ได้รับข้อมูลของรหัสบัตรเครดิต แต่จะได้รับเฉพาะข้อมูลการสั่งซื้อ รหัสบัตรเครดิตนั้นทางหน่วยงานกลางจะส่งไปให้ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงินต่อไป
นอกจากนี้ความปลอดภัยยังต้องรวมไปถึงการออกแบบฐานข้อมูล ที่จะต้องมีการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลความลับเป็นอย่างดี อาจหาระบบ Firewall มาป้องกันการเข้าถึงจากผู้ไม่มีสิทธิ์ และกำหนดสิทธิ์อันควรให้กับผู้ที่เข้าถึงข้อมูลได้ ในปัจจุบันการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านเครื่อง EDC (Electronic Data Capture) ตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหารอยู่แล้ว และต่อมาได้มีการพัฒนาให้สามารถรับชำระเงินผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย Internet ได้แล้ว โดยเว็บที่มีการนำระบบนี้มาใช้เป็นรายแรกคือ thaicybermall.com ซึ่งได้ทำการพัฒนาร่วมกับธนาคารกรุงไทย และเปิดให้บริการในปัจจุบัน ระบบนี้จะสามารถตรวจบัตรเครดิตแบบ Online ได้เหมือนกับการใช้จ่ายตามห้างสรรพสินค้าทันที เพราะการจ่ายชำระเงินด้วยบัตรเครดิตนั้น ลูกค้าเพียงแต่กรอกเลขบัตรเครดิต และเดือนปีที่บัตรหมดอายุ ผู้ขายก็สามารถติดต่อให้ธนาคารโอนเงินให้แบบอัตโนมัติผ่านเครื่อง EDC ที่เตรียมไว้นั่นเอง


ปัจจุบันการชำระเงินในระบบเครือข่าย Online สามารถกระทำได้หลายวิธีเช่น ใช้บัตรเครดิต(Credit card) ส่งเช็คอิเล็กทรอนิกส์(E-Cheque) เงินสดดิจิตอล(Digital cash) ระบบไมโครแคช(Micro cash) หรือ EDI (Electronic Data Interchange)สำหรับการซื้อขายระหว่างกัน โดยใช้เอกสารแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิคส์ที่เป็นมาตราฐาน และต่อมาได้มีการออกแบบระบบ EFT (Electronic Funds Transfer) เพื่อให้สามารถส่งผ่านรายการโอนเงินในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อำนวยต่อการพัฒนาระบบ e-Commerce ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก
e-Commerce เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่าน การตัดสินใจลงทุนในธุรกิจประเภทนี้ จะต้องวางแผนให้รัดกุม ถึงแม้จะใช้เงินลงทุนในระยะแรกไม่สูง และไม่ต้องมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์มากนัก ก็สามารถทำธุรกิจประเภทนี้ได้ แต่ปัจจุบันมีคู่แข่งเข้ามาในธุรกิจมาก เพราะนักลงทุนสามารถเปิดธุรกิจได้ง่าย และกำลังอยู่ในความสนใจของคนรุ่นใหม่ แต่ถ้าคิดจะลงทุนค้าขายสินค้าให้คนไทย อาจจะต้องพบปัญหาที่คนไทยยังมีอัตราการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต ในระบบ Internet น้อย ทำให้มี Supply มากกว่า Demand นั่นจึงเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณา และหาทางแก้ไข อย่างเป็นขั้นตอนต่อไป จึงจะทำให้ระบบ e-Commerce ในประเทศเราก้าวไปได้อย่างมั่นคง



แหล่งทีมา:1.http://thaiall.com/article/ecommerce.htm
2.http://www.ecommerce.or.th/newsletter/img/survey-june5.GIF
3.http://thaiall.com/article/ecommerce.htm#5step
4.http://digiteen09-3.flatclassroomproject.org/file/view/global- ecommerce.gif/103015675/global-ecommerce.gif

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น